แค้นต้องชำระ


จากหนังสือ "เรื่องจริงในเรือนจำ"
ตอน
"แค้นต้องชำเรา"
นักโทษในเรือนจำก็คือมนุษย์เช่นเดียวกับคนภายนอก ดังนั้นจึงมีความรู้สึกเช่นเดียวกับคนทั่วไป ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง และความต้องการทางเพศตามธรรมชาติที่มีเหมือนกันทุกคน แต่ว่าภายในเรือนจำนั้นไม่สามารถที่จะหาเพศตรงข้ามมาบำบัดความใคร่ที่มีได้ เพราะจะต้องแยกการคุมขังนักโทษหญิงและชายออกจากกัน โอกาสที่ทั้งสองเพศจะมีเพศสัมพันธ์กันจึงเท่ากับศูนย์
เมื่อมีความกดดันทางเพศมากๆเข้า ก็จำเป็นที่จะต้องหาทางระบายออก มีทั้งสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือหาคนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศให้ช่วยระบายให้ บางคู่ถึงขนาดอยู่กินเป็นผัวเมียกันอย่างเปิดเผยเลยก็มี หญิงกับหญิง ชายกับชาย ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเสมือนคู่ผัวตัวเมีย จนดูเป็นเรื่องธรรมดาของเรือนจำไป
ที่แหวกแนวที่สุดคือ พวกที่เป็นได้ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยต่างคนต่างผลัดกันเป็นชาย ระบายอารมย์ด้วยการผลัดกันกระทำชำเราซึ่งกันและกัน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรตามมา เมื่อเสร็จกิจแล้วต่างคนต่างก็ไปเป็นนายสมชายเหมือนเดิม แต่บางครั้งก็สร้างปัญหาให้เจ้าหน้าที่เรือนจำปวดหัวบ้างเหมือนกัน เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่แดน ๕
น.ช.หนึ่ง และ น.ช.วันต่างก็เป็นโจรปล้นฆ่ามืออาชีพมาอย่างโชกโชน ทั้งคู่ถูกศาลตัดสินให้จำคุกไว้ตลอดชีวิตเหมือนกันในคนละคดี แต่คงเป็นเพราะนรกสาปหรือสวรรค์แกล้ง จึงทำให้ทั้งสองเสือโคจรมาพบกันที่แดน๕ ของเรือนจำแห่งนี้
เมื่อเสือร้ายทั้งสองได้มาพบเจอกันในเรือนจำแล้ว ด้วยความที่เป็นโจรระดับมืออาชีพเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่มีความสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว เวลากินข้าวก็จะกินด้วยกัน ทำงานร่วมกัน มีปัญหาอะไรก็จะนำมาปรึกษาหารือกันอยู่เสมอ เมื่อมีญาติมาเยี่ยมก็จะแบ่งปันของกินของใช้ให้อีกฝ่ายด้วยทุกครั้ง เวลานอนก็นอนติดกันในห้องขังเดียวกัน เรียกว่าเป็นเงาตามตัวซึ่งกันและกันก็ได้ ไม่ว่าจะเห็น น.ช.หนึ่งที่ไหน จะต้องเห็น น.ช.วันอยู่ใกล้ๆ ด้วยเสมอ
และแล้ววันนรกเป็นใจก็เกิดขึ้นจนได้ น.ช.หนึ่ง และ น.ช.วันนั่งปรึกษาหารือกันถึงความต้องการทางเพศของทั้งคู่แต่หาที่ระบายออก ไม่ได้ จะใช้พระนางทั้งห้าสำเร็จความใคร่ให้ตนเองก็ไม่ถึงใจ จะขอให้พวกตุ๊ดพวกแต๋วที่ติดคุกอยู่ด้วยกันช่วยปลดปล่อยความใคร่ให้ ก็ไม่ได้รับความสนใจจากใครทั้งสิ้น น.ช.หนึ่ง และ น.ช.วันช่วยกันมองหาวิธีระบายอารมย์ความเก็บกดนี้ทุกวิถีทาง แต่ก็ยังคงมืดมนหาทางออกไม่ได้ ต่างช่วยกันนั่งนึกตรึกตรองหาวิธีการกันอย่างสุดความคิด
หลังจากนั่งใช้สมองคิดหาวิธีระบายอารมย์กันได้พักใหญ่ น.ช.หนึ่งก็มองเห็นทางสว่าง มีความคิดที่ดีเสนอต่อ น.ช.วัน โดยบอกกับน.ช.วันว่า “ในเมื่อเราสองคนต่างก็มีความอยากเหมือนกัน แต่ไม่มีอีแต๋วตัวไหนมองเห็นความหล่อของเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจง้อพวกมันก็ได้ กลัวอะไรกันวะในเมื่อเรายังมีเราอยู่ด้วยกันสองคนไม่ใช่หรือไงวะ”
น.ช.วันเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพูดว่า “ใช่ถึงเราจะอยู่ด้วยกันสองคน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกันวะ ในเมื่อเราทั้งสองคนไม่มีใครเป็นตุ๊ดเลยนี่หว่า แล้วจะแก้ปัญหาได้ยังไง”
น.ช.หนึ่งยิ้มกริ่มก่อนจะเฉลยอย่างผู้ทรงภูมิปัญญา “ไม่น่าโง่เลยเอ็งนี่ ทีเรื่องอย่างอื่นละเก่งนัก อย่าลืมนะว่าเราสองต่างก็เป็นเพื่อนรักกัน มีอะไรก็แบ่งกันกินกันใช้ เดินไปไหนก็ไปด้วยกัน นอนก็นอนด้วยกัน เราก็มาช่วยกันสร้างความแนบแน่นให้มากขึ้นไปอีกไม่ดีหรือวะ ข้ามีความคิดดีๆ ว่ะ ทำไมเราไม่ผลัดกันทำล่ะวะ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนนี่หว่า ของก็ของเราเอง ยอมผลัดกันเป็นผู้หญิงคนละทีก็สิ้นเรื่อง”
น.ช.วันฟังแล้วสดุ้งเฮือกพูดตอบว่า “เอ็งคิดบ้าๆ อย่างนี้ได้ยังไงวะ เอ็งกับข้าไม่มีใครมีวี่แววเหมือนผู้หญิงเลยนะ เห็นหน้าเอ็งแล้วหมดอารมณ์ แล้วอีกอย่างประตูหลังของข้ายังบริสุทธิ์อยู่เลย หาวิธีอื่นเถอะวะ”
น.ช.หนึ่งชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมากล่อม “จะเป็นอะไรไปวะ ข้าเองก็ยังบริสุทธิ์อยู่เหมือนกัน ต่างคนต่างมอบความบริสุทธิ์ให้กัน ต่อไปเราก็จะได้เปรียบเหมือนคนคนเดียวกัน คนอื่นมันยังทำกันได้ไม่เห็นเป็นอะไร เราก็มาทำกันบ้างจะไปกลัวอะไรกันวะไอ้วันเพื่อนรัก”
น.ช.วันเริ่มคล้อยตาม แต่ยังตะขิดตะขวงใจอยู่หน่อย “มันจะดีหรือวะไอ้หนึ่ง เราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย ถ้าใครรู้เข้าอายเขาตายเลย”
น.ช.หนึ่งกล่อม “ก็อย่าทำให้ใครเห็นซิวะ รอให้คนอื่นเขาหลับหมดก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยมาคลุมโปงผูกสัมพันธ์กัน”
น.ช.วัน “ฟังดูก็เข้าท่าดีอยู่เหมือนกัน แต่ใครล่ะวะที่จะเป็นแมนก่อน ข้าเห็นหน้าเอ็งแล้วกลัวจะหมดอารมย์ว่ะ หน้าอย่างกับมหาโจร”
น.ช.หนึ่ง “ก็อย่าหันหน้ามาดูกันสิวะ พยายามคิดซะว่าที่อยู่ข้างหน้าคือนางสาวไทย เดี๋ยวอารมณ์ก็ลุกเป็นไฟเองแหละวะ อีกอย่างข้าเป็นคนคิดวิธีนี้ออก ก็ต้องให้ข้าเป็นคนทำก่อนซิวะ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าข้าจะเบี้ยว ข้ากับเอ็งเป็นเพื่อนรักกันนะ ถ้าข้าเสร็จแล้วจะหันหลังให้เอ็งทันทีเลยเพื่อนรัก”
น.ช.วันนั่งคิดตรึกตรองดูสักครู่ก็พยักหน้าตกลง “เอาวะเป็นไงเป็นกัน นึกซะว่าสวนทวารครั้งใหญ่ก็แล้วกัน เอ็งต้องอย่ารุนแรงกับข้านะเพราะข้ายังไม่เคย เสร็จแล้วเอ็งต้องให้ข้าทำคืนบ้างนะเพื่อน”
น.ช.หนึ่ง “เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกเพื่อน ข้าเองก็ยังไม่เคยเหมือนกัน เอ็งจงภูมิใจที่จะได้เป็นผู้เปิดบริสุทธิ์ข้านะ แล้วเราเจอกันคืนนี้นะไอ้เพื่อนรักของข้า อาบน้ำทาแป้งให้ผ่องเลยนะเพื่อน บรรยากาศจะได้สดชื่น”
ตกดึกคืนนั้นเอง น.ช.หนึ่งก็ได้กระทำตนเป็นสามีของ น.ช.วันเป็นที่เรียบร้อย แต่พอ น.ช.วันจะขอเป็นผัว น.ช.หนึ่งคืนบ้าง กลับถูก น.ช.หนึ่งบ่ายเบี่ยงอ้างว่าขอพักผ่อนก่อนหายเหนื่อยแล้วจะให้ จากนั้นก็อ้างว่าท้องเสียกระทันหันรอให้หายก่อน และหาข้ออ้างต่างๆ นานา จนกระทั่งรุ่งเช้าเจ้าหน้าที่มาเปิดตึกขัง น.ช.วันจึงอดไปโดยปริยาย
หลังจากทุกคนลงจากตึกขังแล้ว น.ช.หนึ่งได้รีบทำหนังสือเสนอต่อทางแดนเพื่อขอย้ายห้องคุมขัง โดยให้เหตุผลว่ารู้สึกไม่สบายใจในความปลอดภัยของตนเอง เกรงว่าจะถูกแอบปองร้ายจากเพื่อนร่วมห้องบางคนในเวลาหลับ เนื่องจากเพิ่งมีปัญหาขัดใจกัน ทางแดนจึงทำการย้ายห้องขังให้ น.ช.หนึ่งตามคำขอ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายในเบื้องต้น
นับจากบัดนั้นเป็นต้นมา น.ช.หนึ่งจะคอยหลบหน้าและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ น.ช.วันตลอดเวลา ข้าวปลาก็ไม่ไปกินด้วยกัน งานก็ต่างคนต่างทำ แถม น.ช.หนึ่งยังเที่ยวพูดคุยโวกับเพื่อนนักโทษด้วยกันอีกว่า “กูนี่แหล่ะโว้ยคือยอดชายที่สามารถฟันชายด้วยกันได้” ซึ่งเป็นการสร้างความแค้นให้กับ น.ช.วันเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นประมาณ ๓-๔ วัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมกลางได้รับแจ้งจากฝ่ายควบคุมแดน ๕ ว่ามีนักโทษภายในแดน ๕ ใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธจี้คอและพยายามทำร้ายนักโทษด้วยกัน เหตุเกิดบริเวณข้างตึกขังของทางแดน ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยระงับเหตุด้วย ทางฝ่ายควบคุมกลางจึงส่งกำลังเจ้าหน้าที่และนักโทษผู้ช่วยเหลือเข้าไปทันที
เมื่อเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุ พบ น.ช.วันใช้เหล็กแหลมจี้เข้าที่คอด้านขวาของน.ช.หนึ่ง แล้วจับกดหัวให้ น.ช.หนึ่งโก้งโค้งไปข้างหน้า โดยรูดกางเกงขาสั้นของ น.ช.หนึ่งลงไปไว้ที่เข่า ส่วน น.ช.วันเข้าประกบที่ด้านหลังของ น.ช.หนึ่ง แล้วทำการข่มขืนกระทำชำเราอย่างเมามัน ต่อหน้าพยานที่เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก
เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นดังนั้นได้สั่งให้ น.ช.วันหยุดการกระทำดังกล่าว แล้วให้ยอมวางอาวุธลงแต่โดยดี แต่ น.ช.วันประกาศห้ามไม่ให้ใครเข้าไปใกล้อย่างเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อจะฆ่า น.ช.หนึ่งให้ตาย โดยกดเหล็กแหลมเข้าที่คอ น.ช.หนึ่งจนเห็นเลือดไหลออกมาซิบๆ แล้วลงมือข่มขืนต่อจนสำเร็จความใคร่อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยอมวางเหล็กแหลมเพื่อมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ ส่วน น.ช.หนึ่งเมื่อเป็นอิสระก็ได้ทรุดฮวบลงกองกับพื้นทันที พร้อมกับร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร
จากการสอบสวน น.ช.วันถึงสาเหตุที่ทำไปอย่างไม่อายฟ้าดิน น.ช.วันได้ให้การว่าถูก น.ช.หนึ่งหลอกกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ไป ๑ ครั้ง โดยมีสัญญากันไว้ก่อนว่าจะผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเรา แต่หลังจาก น.ช.หนึ่งเสร็จกิจแล้ว กลับเป็นฝ่ายเบี้ยวไม่ยอมให้ชำเราคืน และยังขอย้ายห้องขังหนีอีกด้วย มิหนำซ้ำยังเที่ยวไปพูดประจาน น.ช.วันให้คนอื่นได้รับรู้อีก จึงเป็นสาเหตุทำให้ น.ช.วันเกิดความอับอายและโกรธแค้น น.ช.หนึ่งเป็นอย่างมาก
น.ช.วันจึงได้หาเศษเหล็กเส้นที่ใช้สำหรับก่อสร้าง มาทำการฝนปลายเพื่อให้เป็นเหล็กแหลมแล้วแอบซ่อนไว้อย่างมิดชิด ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ประจำแดนตรวจค้นพบ แล้วรอเวลาจนกระทั่งสบโอกาสในขณะที่ น.ช.หนึ่งนั่งเผลอตัว น.ช.วันลอบย่องเข้าไปที่ด้านหลัง ใช้มือซ้ายล๊อกเข้าที่ลำคอ ส่วนอีกมือถือเหล็กแหลมจ่อเข้าไปที่คอหอยของ น.ช.หนึ่ง แล้วบังคับให้ น.ช.หนึ่งเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ จากนั้นจึงบังคับให้ น.ช.หนึ่งโก้งโค้งและรูดกางเกงขาสั้นลง แล้วลงมือข่มขืน น.ช.หนึ่งต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เพื่อต้องการให้ น.ช.หนึ่งได้รับความอับอายบ้างโดยไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายให้ น.ช.หนึ่งถึงแก่ความตายหรือบาดเจ็บแต่อย่างใด
เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวน น.ช.หนึ่งว่าเป็นไปตามที่ น.ช.วันกล่าวอ้างหรือไม่ น.ช.หนึ่งได้ให้การยอมรับทั้งที่กำลังสะอึกสะอื้นว่าได้หลอกกระทำชำเรา น.ช.วันจริง โดยไม่คิดว่าจะถูก น.ช.วันอาฆาตและล้างแค้นจนทำให้ต้องอับอายผู้คนได้ถึงขนาดนี้ ลายเสือต้องมาสูญสิ้นเพราะไม้ป่าเดียวกันแท้ๆ
ทางเรือนจำได้ลงโทษทางวินัยต่อนักโทษทั้งสองคนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และได้แยกคุมขังนักโทษทั้งสองไว้คนละแดนเพื่อป้องกันเหตุล้างแค้นกันอีก หลังจากนั้นไม่นาน น.ช.หนึ่งก็เลยกลายเป็นน้องให้เพื่อนนักโทษด้วยกันกระทำชำเราจนกระทั่งกลาย เป็นแต๋วไปเลย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “เป็นชาติเสืออย่าได้หมิ่นชาติชาย ถ้าทำให้ต้องอับอาย ชาติชายจะข่มขืนชาติเสือ”

หมายเหตุ...เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ชื่อตัวละครเป็นชื่อสมมุติทั้งสองคน


ความคิดเห็น